Bangsaen42 ที่นี่คือบางแสน

ประสบการณ์ดีๆกับ "บางแสน42"




ผ่านไปแล้วกับงานวิ่ง Bangsaen42 2018 งานวิ่งมาราธอนงานเดียวของเมืองไทยที่มีระยะการวิ่งวิ่งระยะเดียวที่ 42 กิโลเมตร ครั้งนี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้มาร่วมวิ่งงานนี้

     งานนี้มีความเป็นมาจากน้องชายที่วิ่งด้วยกันบ่นๆให้ฟังว่าอยากจะลองฟูลมาราธอนสักครั้ง ด้วยความที่ผมเคยวิ่งฟูลมาราธอนมาบ้างก็อยากให้น้องได้ประสบการณ์ดีๆกับฟูลแรก โดยส่วนตัวที่ผ่านมาก็เจอทั้งงานที่จัดอย่างดีเยี่ยมอย่างบุรีรัมย์มาราธอน หรือการที่จัดไม่ค่อยลงตัวอย่างงาน...เอ่อ..ช่างๆมันเหอะจัดอีกก็ไม่ไปอยู่แล้ว ก็เลยมองหางานวิ่งที่คิดว่าดีๆ  ดูจากภาระกิจงานของน้องแล้ว งานที่เหมาะสมที่สุดก็คงไม่พ้นงานนี้ "บางแสน42"  แต่ยังไม่ได้ชวนเลย น้องไลน์มาชวนสมัครก่อนซะงั้น งานนี้ก็เลยจะลุยไปด้วยกัน แต่หารู้ไม่วิบากกรมมันเริ่มตั้งแต่นั้น ปีนี้งานผมมันมาชุกช่วงกลางปี ฝนก็ดันตกบ่อย ซ้อมแทบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน วิ่งไกลสุดๆได้แค่ 21 ก.ม. ที่เหลือก็เก็บระยะเล็กๆน้อยๆได้ 5 ก.ม.บ้างได้ 10 ก.ม.บ้างเก็บหมด ส่วนน้องชายนั้นซ้อมเก็บระยะค่อนข้างดีได้ทั้งระยะ 30 ก.ม. 25 ก.ม. 21 ก.ม. แถมได้ซ้อมยาวอยู่หลายครั้ง พอใกล้ถึงวันก็แอบหวั่นใจอยู่นิดๆว่าจะลากน้องหรือจะให้น้องลากหว่า 555

ซ้อมยาวที่สุดของผมเท่าที่จะได้แล้ว 😃

3 พ.ย. 2561
   ถึงเวลา!!! พร้อมไม่พร้อมก็ต้องลุยกันแล้ว เดินทางถึงบางแสนตอน 5 โมงเย็นของวันเสาร์ ที่จอดรถสะดวกสบาย การจัดการในการรับบิบรับเสื้อก็สะดวกรวดเร็วไม่มีรอคิว งานนี้เขาสแกนใบหน้าด้วยครับ หมดสิทธิ์ขายบิบหรือรับแทนกันเลย เสร็จแล้วก็ไปเดินดูสินค้าต่างๆก็เสียตังค์กันเล็กๆน้อยๆกับของที่ต้องมี

ถ่ายรูปกับพี่รัฐผู้จัดซักหน่อย 


    เรื่องที่พักของบางแสนนี้ผมไม่ได้จองไว้ แต่ก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะที่นี่คือบางแสน ที่พักนั้นค่อนข้างเหลือเฟือ ก็มาได้ที่พักห่างจากจุดปล่อยตัวประมาณ 1.5 ก.ม. กะว่าเดินวอร์มมาน่าจะพอดี จากนั้นก็รีบเข้านอน...แต่เจ้ากรรม...วันนั้นดันมีบอลเตะ ทีมโปรดผมด้วยกว่าจะได้นอนก็เกือบ 5 ทุ่ม!!!

4 พ.ย. 2561
 เวลา 02.00 น. ออกจากห้องพัก ทีแรกตั้งใจจะเดินวอร์มมา แต่ผู้จัดเขาเตรียมรถแดงไว้รับส่งนักวิ่ง..มีหรือเราจะพลาด นั่งรถแดงเอาฤกษ์เอาชัยก่อน ถึงเวลาวิ่งจริงจะได้ไม่ต้องใช้บริการ 555

นั่งรถแดงก่อนเลย ตอนวิ่งจริงจะได้ไม่ต้องใช้บริการอีก 555


02.15 น. ถึงจุดปล่อยตัว ตรงนี้ก็มีสแกนหน้าอีกรอบ เวลา 02.30 น.ก็เข้าสู่บล๊อคปล่อยตัว ผมเลือกเวลาเข้าเส้นชัยไว้ที่ 5 ชั่วโมง ก็จะอยู่ในบล๊อค D


 เข้ามาใหม่ๆคนยังบางตา
  พอใกล้ถึงเวลาปล่อยตัวคนก็เริ่มแน่น
กว่า 7 พันคนที่จะวิ่ง 42.195 กิโลเมตร
 พร้อมแล้วครับ

03.00 น. เสียงแตรลมสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น นักวิ่งต่างก็ทยอยออกตัว จากที่พิธีกรประกาศมีนักวิ่งประมาณ 7 พันกว่าคน แต่ในหมายเลขการสมัครมี 8 พันกว่าคน จากจุดที่ผมอยู่กว่าจะผ่านเส้นสตาร์ทใช้เวลาประมาณ 1 นาที จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆเกือบ 1 ก.ม. ถึงจะเริ่มวิ่งได้

เป้าหมายในการวิ่งของผมในวันนี้คือ
1. จะต้องจบ 42 กิโลเมตรให้ได้โดยไม่บาดเจ็บและทัน Cut off ไม่ต้องใช้บริการรถแดง
2. ตั้งเป้าลึกๆถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะพาน้องชายเข้าเส้นชัยโดยใช้เวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง (เพซเฉลี่ยในการวิ่งตลอดเส้นทางต้องไม่เกิน 7.08 นาที/กิโลเมตร)
3. งานนี้ไม่หวัง New PB เพราะสภาพร่างกายที่อ่อนซ้อม สภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนกว่าที่เคยวิ่ง เส้นทางสูงต่ำหลายระดับ ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะที่จะเร่งเวลาแน่ๆ

 วิ่งกันต่อครับ กิโลเมตรแรกๆก็วอร์มไปเรื่อยๆด้วยเพซ 7 จากนั้นลองเพิ่มความเร็วเป็นเพซ 6.2 - 6.5 เช็ค HR อยู่ในโซน 2-3 โอเคครับถ้าวิ่งระดับนี้ไปเรื่อยๆน่าจะจบแบบสบายๆแน่นอน แผนการวิ่งวันนี้เราจะพักดื่มน้ำและกินอาหารทุกจุดบริการ 555 วิ่งมาเรื่อยๆก็เริ่มแซง Pacer 7:00 แซง 6:00 แซงมาเรื่อยๆจนทัน Pacer 5:00 นี่แหละ!!! ที่เราต้องการ ลองเที่ยบความเร็วกับ Pacer กลุ่ม 5:00 ใช้ความเร็วเพซประมาณ 6.4 - 6.5 นาที/กิโลเมตร โอเคครับ ความเร็วระดับนี้พอตามได้ แต่พอถึงจุดดื่มน้ำหรือกินอาหาร Pacer เขาไม่หยุดเหมือนเรา เผลอแป้บเดียวทิ้งเราไปไกลเลย ก็ต้องเปลี่ยนแผนโดยคราวนี้ต้องหนี Pacer 5:00 ให้ได้ไกลที่สุด ความสนุกเริ่มตั้งแต่นี้ ความเร็วถูกเพิ่มขึ้นเป็น 6.1 - 6.3 นาที/กิโลเมตร รวมช่วงหยุดดื่มน้ำก็จะได้เพซเฉลี่ยที่ 7 นาที/กิโลเมตร ช่วง 10 ก.ม. แรกยังทำเวลาได้ดี ใช้เวลาไป 1.10 ชั่วโมง ยังอยู่ในแผนครับ วิ่งมาเรื่อยถึงจุดพักก็กินไปเรื่อยๆ ยอมรับว่างานนี้มีของกินเยอะมากกกกก ตัดปัญหาเรื่องขาดน้ำ ขาดอาหารได้เลย งานนี้ผมไม่ได้พกเจลพลังงานเลย แวะกินตามจุดต่างๆมีทั้งชนิดเบาๆแบบเจล ไมโลบาร์ หรือจะชนิดหนักๆแบบข้ามต้มมัด บะหมี่เกี๊ยว หรือจะเป็นของหวานพวกถั่วต้มชนิดต่างๆเฉาก๊วยโอ๊ยเยอะแยะมากมายบรรยายไม่หมด

ถึงจะเริ่มวิ่งตั้งแต่ตี 3 แต่มีแสงสว่างตลอดเส้นทาง



มาถึง Landmark ของงานแห่งแรก สะพานเรียบชายฝั่งชลบุรี มาถึงก็ยังมืดอยู่ สังเกตสภาพแวดล้อมไม่มีร่มไม้หรืออะไรมาบังเลย คงต้องรีบผ่านตรงนี้ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ดูจากความเร็วที่วิ่งตอนนั้นน่าจะผ่านตรงนี้ได้สบาย วิ่งไปจนถึงจุดกลับตัววิ่งกลับมาผ่านระยะฮาล์ฟ 21.1 กิโลเมตรใช้เวลาไป 2.30 ชั่วโมง ถือว่ายังอยู่ในแผน ถึงตรงนี้ทิ้ง Pacer 5:00 มาไกลพอสมควร สะพานเลียบชายหาดลมไม่ค่อยมี มีกลิ่นน้ำเค็มปนมาเป็นระยะ แต่ดีที่อากาศไม่ค่อยร้อน การวิ่งจึงเป็นแบบสบายๆ

ถึงสะพานยังมืดอยู่นะ

 พื้นซีเมนต์ตลอดสะพาน สะท้านเข่าพอได้เลย

ฟ้าเริ่มสาง ถ้าแดดออกกลางสะพาน มีไหม้แน่นอน

รีบออกจากสะพานก่อนแดดออก




หลุดออกจากสะพานฟ้าสางพอดี วิ่งมาเรื่อยๆจนถึงกิโลเมตรที่ 30 ทำเวลาไป 3 ชั่วโมง 31 นาที ยังอยู่ในแผน ถึงตรงนี้ต้องสอบถามอาการกันบ้าง เพราะเกินระยะซ้อมของผมมามาก ต้องอาศัยบุญเก่าที่เคยสะสมไว้555 ถามน้องน้องบอกยังไหวอยู่ แต่ก็ขอใช้บริการทีมกายภาพหน่อยนะ ใช้บริการเสร็จก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆ ความเร็วประมาณ 6.40 นาที/กิโลเมตร ถึงตรงนี้กลุ่ม Pacer 5:00 ตามมาทัน 

วิ่งต่อมาจถึงอ่างศิลา เลยมาหน่อยนึงเริ่มมีเนิน ผมเรียกว่าแถวนี้ว่าเนินเรียกน้ำย่อย เนินยาวๆดูดแรงได้พอสมควรเลย 

ผ่านแถวๆวิหารเทพ เรี่ยวแรงยังโอเคอยู่




เหลืออีกประมาณ 5 กิโลเมตร แวะพักและดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพอะไรซักอย่างนี่แหละผมจำยี่ห้อไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณมากครับ

วิ่งผ่านม่านน้ำลดอุณหภูมิซักหน่อย


วิ่งจนมาถึงเขาสามมุข พอเห็นเส้นทาง อ้าวเฮ้ย...ยุ่งแล้ว!!! ทางชันมาก ไม่ได้เผื่อแรงไว้ตรงนี้เลย ไม่รู้มาก่อนว่ามันชันขนาดนี้ ถึงตรงนี้ก็ต้องลดความเร็วลงเพื่อเซฟแรง และวิ่งเกาะไปกับกลุ่ม Pacer 5:00 วิ่งไปจนถึงกิโลเมตรที่ 39 เหลืออีกแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น พวกเราก็จะได้เป็นผู้พิชิตมาราธอนกันแล้ว.... แต่....ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ผ่านโค้งหักศอกเตรียมไต่ขึ้นเนินสุดท้าย เสียงน้องเรียก "พี่ๆมันมาแล้ว" ตะคริวสิครับ ก็พาน้องอัดมาซะขนาดนั้น (ปกติน้องถนัดวิ่งเพซ 7 แต่ผมลากที่เพซ 6 กว่าๆ วิ่งมาจน 39 ก.ม. นี่ก็สุดยอดแล้ว) ถึงตอนนี้ผมเองก็เริ่มหมดแรง ดีๆถือโอกาสพักไปในตัวเลย จะว่าไปผมกล้ามเนื้อผมก็เริ่มเกร็งๆเหมือนจะมาเหมือนกัน หลังจากยืดเหยียดจนตะคริวหายแล้วก็ไปต่อ ส่วน Pacer 5:00 ชั่วโมงนั้นทิ้งเราไปไกลแล้วววว เป้าหมายที่จะจบภายใน 5 ชั่วโมงก็ตัดไป ตอนนี้เป้าหมายเราคือจบมาราธอนก็พอ และจบยังไงไม่ให้เจ็บ.... ง่ายๆล่ะครับ เหนื่อยก็เดิน เพลินๆก็วิ่งต่อ

วิ่งไม่ไหวเราก็เดิน 555

 คือเดินเล่นกันชิลมาก ไม่รู้ใครปล่อยมุขตลกอย่างฮาเลย

ตรงไหนลงเนิน เราก็วิ่ง 555

 ลงเนินนี่วิ่งส่งแรงกันเลย ใกล้ถึงเส้นชัยแล้วเว้ย
 



 ลงจากเขาสามมุขได้ถึงจุดเช็คพอยท์กิโลเมตรที่ 40 ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง 50 นาที เหลือระยะทางแค่ 2 กิโลเมตรถึงตรงนี้ก็สบายๆ จบแน่นอน เดินๆวิ่งๆคุยกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงหาดบางแสน เริ่มมองเห็นเส้นชัยไกลๆ เย้ๆๆใกล้ถึงแล้ว จากนั้นก็พากันวิ่งกันอีกครั้ง ใกล้เส้นชัยกล้องเยอะมากกกก ตรงนี้ห้ามเดิน อายเค้า 555 สุดท้ายก็วิ่งเข้าเส้นชัยที่เวลา 5 ชั่วโมง 10 นาที 47 วินาที 

จบซะทีกับฟูลมาราธอน "บางแสน 42" ประการณ์ครั้งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ




แดดเริ่มแรง ดีที่จบทัน ไม่งั้นมีไหม้แน่ๆ

ข้ามเส้นเช็คพอยท์ 42.195 กิโลเมตรแล้ว

เข้าเส้นชัยแล้วคร้าบบบบ

อยู่รอดปลอดภัย ไม่มีบาดเจ็บใดๆ โอเคมาก อิอิ
 ชูเสื้อ Finisher ซักหน่อย



สรุปงานบางแสน 42 เป็นงานวิ่งที่ดีที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทยเลย การจัดการทุกอย่างค่อนข้างลงตัว ถ้าใครจะหางานวิ่งที่ปลอดภัย มีมาตรฐานแนะนำงานนี้เลยครับ แต่ถ้าเป็นมือใหม่จะลงมาราธอนแรกที่นี่ มีคำแนะนำให้ซ้อมมาเป็นอย่างดี  เส้นทางบางช่วงสูงชัน อากาศก็ไม่เย็นเหมือนสนามทางภาคเหนือหรืออิสาน และงานนี้คัทออฟจริงจังมาก ถ้าหมดแรงไม่ทันคัทออฟมีโดนเก็บขึ้นสองแถวกันได้ ส่วนมือเก่าอยากเก็บประสบการณ์การจัดงานดีๆก็ลุยได้เลยครับ มาลองวิ่งขึ้นเขาสามมุขดู มันช่างน่าท้าทาย อิอิ

มีคนถามผมว่าจะมาอีกมั้ย สำหรับผมถ้ามีโอกาสก็อยากมาซ้ำอยู่เหมือนกัน แต่คราวหน้าขอซ้อมให้หนักกว่านี้หน่อย อยากวิ่งชิงลิงครับ 555 (ก็คงจะต้องซ้อมกันอีกหลายปีกว่าจะถึงระดับนั้น 555 ) พบกันงานต่อไปครับ ยังเหลืองานที่ลงไปอีกหลายงาน วิ่งเสร็จจะมาเล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ







ความคิดเห็น

  1. สุดยอดครับ เอาไว้สักวันเมื่อผมพร้อม จะให้พี่พาลากฟูลแรกบ้างนะครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิ่งเอาบุญกับงาน "109 ปี 109 ล้าน เพื่อโรงพยาบาลมหาราช"

บุรีรัมย์มาราธอน 2018 กับมาราธอนที่ 3 ของผม