ลงสนามครั้งแรก มอหินขาวมินิฮาล์ฟมาราธอน

                            
                                                    **มอหินขาว จุดที่เราจะไปวิ่งกัน**

      สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์การวิ่งมินิมาราธอนครั้งแรกในชีวิตให้อ่านกันครับ
ทำไมถึงมาวิ่ง เมื่อก่อนก็เคยคิดจะวิ่งอยู่ครับ แต่ก็ไม่เคยได้เริ่มสักที จนมาเมื่อต้นปี 2558 ไปตรวจสุขภาพประจำปีแล้วผลเลือดออกมาไม่ค่อยสวย ทั้งไขมันทั้งกรดยูริกสูง ด้วยความที่ไม่อยากกินยา อยากใช้วิธีอื่นมากกว่า ก็ศึกษาการออกกำลังแบบต่างๆจนมาลงเอยที่วิ่งนี่แหละ ด้วยความคิดที่ว่าเป็นการออกกำลังที่น่าจะประหยัดสุดใช้อุปกรณ์น้อยสุด และง่ายที่สุดแล้ว แต่กว่าจะมีก้าวแรกของการวิ่งก็ผ่านไปอีกเกือบครึ่งปี "ก้าวแรก" นี่มันยากจริงๆ



** เส้นทางวิ่งแถวบ้านครับ เริ่มหัดวิ่งจากตรงนี้ **
**เส้นทางวิ่งแถวบ้านครับ จุดเริ่มต้นมาจากตรงนี้ ^^ **

    วิ่งไปวิ่งมาประมาณ 1 ปีกว่าๆต่อเนื่องบ้าง ขาดช่วงบ้าง แต่ก็วิ่งมาเรื่อยๆ เริ่มมีเพื่อนวิ่ง เริ่มมีกลุ่มนักวิ่ง เห็นเขาวิ่งตามงานต่างๆก็สงสัยเขาจะวิ่งในงานทำไม ก็ในเมื่อการวิ่งมันก็แค่ออกกำลังกาย สร้างสุขภาพ เพื่อความแข็งแรงแค่นั้น แต่ไปๆมาๆก็ชักอยากพิสูจน์ตัวเองว่าถ้าวิ่งในสนามจริงเราจะทำได้ดีขนาดไหน เริ่มอยากลงสนามหาประสบการณ์ ค้นข้อมูลหางานวิ่ง ด้วยความบ้าและอ่อนด้อยในประสบการณ์ดันไปลง Full Marathon ที่บุรีรัมย์ไว้ ขนาดมินิ 10 ก.ม.ก็ยังไม่เคยลง นี่มัน 42.192 ก.ม.เลยนะ กว่าจะรู้ตัวก็อีกหลายวัน 555 กรรมแท้ๆ มันของง่ายซะเมื่อไหร่ ทำไงได้ล่ะครับ ลงไปแล้วจะถอยกลับมันก็ไม่ใช่แล้ว เลยต้องซ้อมๆๆ ระหว่างนั้นเพื่อนๆในกลุ่มเฟสก็บอกให้ลองลงสนามเล็กๆก่อน จากมินิ ไปฮาล์ฟ แล้วค่อยไปฟูล ก็พอดีกับมีงานวิ่งมินิฮาล์ฟที่มอหินขาว งานใกล้บ้านแบบนี้มีเหรอที่เราจะพลาด ระหว่างนี้ก็ดูงานขอนแก่นมาราธอนไว้ แต่ยังไม่ได้สมัคร กะว่าจะรอดูผลงานที่มอหินขาวก่อน

**เปลี่ยนบรรยากาศมาวิ่งในเมืองบ้างครับ หลังฝนตกถนนไม่เละเหมือนแถวบ้าน **

**ช่วงหลังๆชอบมาวิ่งในเมือง รอลูกเลิกเรียนพิเศษด้วยครับ เพื่อนเยอะเพลินดี**


  24 ธันวาคม 2559 : เปิดรับสมัครนักวิ่ง ช่วงบ่ายๆก็ออกบ้านเพื่อขึ้นเขาไปสมัครวิ่ง ก่อนออกจากบ้านยังลังเลอยู่เลย ว่าจะเลือกอะไรระหว่างมินิกับฮาล์ฟ ช่วงที่ขับรถขึ้นไปก็พิจารณาเส้นทางไปด้วย แหม่..ดูเส้นทางก็ช่างชันเหลือเกิน ถ้าวิ่งยาวๆมีเป็นลมล้มตึงแน่ ถึงหน้างานตัดสินใจไม่ยากเลย งานนี้ลงมินิแน่นอน 555 การสมัครงานเล็กๆแบบนี้ก็สะดวกดี เขียนใบสมัคร จ่ายตังค์ เลือกเสื้อ รับ BIB งานเล็กๆแบบนี้ก็มีชิปจับเวลาด้วยนะครับใช้ได้เลย เหลือบมองดูถ้วยรางวัล เขาให้ถึง 10 อันดับของแต่ละรุ่นกลุ่มอายุด้วย โห...แจกเยอะดี และสำหรับคนที่มาวิ่งที่นี่ ทางมอหินขาวให้ขึ้นไปเที่ยวฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยครับนับว่าดีงาม สังเกตดูนักวิ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะกางเต๊นท์ใกล้ๆบริเวณจุดปล่อยตัว มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงห้องน้ำเยอะระดับนึง อาจจะไม่เพียงพอนัก แต่ก็น่าจะพอให้ได้ใช้อยู่ ส่วนผมกลับลงมานอนที่บ้านครับ ระยะทางแค่ 40 ก.ม. ค่อยมาตอนเช้ามืดดีกว่า ไม่อยากเบียดใครตอนเข้าห้องน้ำ ^_^


**มอหินขาวเหมาะกับมาเที่ยวครับ ไม่ใช่มาวิ่ง 555**

**วิวจากเนินมรณะ แลดูสวยงามแต่ตอนวิ่งขึ้นนี่แทบคลานกันเลยทีเดียว **
**ดีนะครับที่เขาไม่ให้วิ่งมาจนถึงจุดนี้ **


**ถนนก็ดี วิวก็สวย แต่เนินชั้น ชัน >_<' **


25 ธันวาคม 2559 :
4.00 น. มาถึงจุดปล่อยตัว อากาศหนาวพอสมควรประมาณ 16-17 องศา นักวิ่งส่วนใหญ่เตรียมพร้อมกันแล้ว กำลังวอร์มอยู่ก็เยอะ พอมาถึงก็ยืดเส้นยืดสาย วอร์มก๊อกๆแก๊กๆไปตามประสามือใหม่ ^_^
5.00 น. ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน นักวิ่งฮาล์ฟก็ไปรอที่จุดปล่อยตัว จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมปล่อยซักที ผู้คนก็สงสัยกัน ปรากฏว่ารถนำขบวนลืมกุญแจไว้ในรถซะงั้น งานนี้มีฮากันเล็กน้อย 555 กว่าจะเปิดรถเอากุญแจได้ กว่าจะปล่อยตัวก็เกือบ 6 โมงเช้า

**ฟ้าเริ่มสาง ความงามค่อยๆเปิดเผย**


6.00 น. หลังจากปล่อยตัวรุ่นฮาล์ฟไปแล้ว ถึงคิวมินิบ้าง ต้องรีบปล่อยตัวไล่ๆกันเลยเนื่องจากเลยเวลามามากแล้ว ช่วงนี้ฟ้าเริ่มสาง ทันทีที่เสียงแตรดังขึ้นเหล่านักวิ่งก็กรูกันออกไป ผมอยู่แถวหลังๆเนื่องจากมือใหม่ไม่อยากขวางขาแรง ขาไปนี่วิ่งลงเนินอย่างเดียวสนุกมากครับแทบไม่เหนื่อยเลย หลายๆคนใช้วิธีค่อยๆลง ส่วนผมเลือกปล่อยตัวลงตามแรงโน้นมถ่วง ไปได้เร็วดี แซงแหลกสนุกสนานมาก วิ่งมาซักพักประมาณ ก.ม.ที่ 2-3 พระอาทิตย์ขึ้นพ้นเหลี่ยมเขาพอดี มันเป็นอะไรที่สวยมากๆ นักวิ่งนี่ฮือฮากันเลย ขนาดผมมามอหินขาวจนนับครั้งไม่ได้ ก็ยังยอมรับเลยว่าครั้งนี้มันสวยงามจริงๆ


**วิวประมาณนี้แหละครับ แต่ตอนนั้นสวยกว่าภาพนี้มาก**

วิ่งมาซักพักเข้าเขตหมู่บ้านวังคำแคน ช่วงนี้มีชาวบ้านออกมาเชียร์มาต้อนรับนักวิ่งกันตลอดทาง ได้กำลังใจอีกโข ช่วงที่วิ่งเข้าหมู่บ้านนี่ได้อารมณ์อีกแบบคือ จะมีไอน้ำพุ่งออกจากปากทุกครั้งที่หายใจ(หอบ) อารมณ์เหมือนในหนังฝรั่งที่พระเอกหายใจอยู่กลางหิมะแล้วมีไอออกมาประมาณนั้นแหละครับ 555

ก.ม.ที่  4 "ใกล้ถึงจุดกลับตัว" เริ่มเห็นนักวิ่งกลุ่มนำวิ่งสวนมาแล้ว ทีแรกก็ว่าจะวิ่งชิลๆ แต่ดูไปดูมากลุ่มอายุตัวเองไม่ค่อยมีใครสวนมาเท่าไหร่ อ้าว...แบบนี้ก็มีลุ้นสิ ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวขึ้นเนินเล็กๆเพื่อรีบไปให้ถึงจุดกลับตัว ด้วยความอ่อนด้อยประสบการณ์ หารู้ไม่การเร่งสปีดขึ้นเนินนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ หลังจากกลับตัวหน้าโรงเรียนลงเนินสุดท้ายใส่มาอย่างแรงข้ามสะพานแล้วขึ้นเนินต่อ เส้นทางต่อจากนี้ขึ้นเนินอย่างเดียว แต่แค่เนินแรกกลางหมู่บ้านวังคำแคนก็หมดแรงแล้ว ตายๆๆเหลืออีกตั้ง 5 ก.ม. มันจะไหวมั้ยเนี่ย เดินสิครับ เดินเลยล่ะ พอหายเหนื่อยวิ่งต่อ แต่ไปได้ไม่ไกลก็เดินอีก สภาพของการชนกำแพงมันเป็นแบบนี้นี่เอง จากที่แซงเขามาเยอะๆ ช่วงนี้ถูกแซงกลับแซงแล้วแซงอีก แต่ก็ไม่มีความสามารถจะตามได้ ได้แต่ค่อยๆวิ่งสลับเดินไปเรื่อยๆ ช่วงไหนที่เนินน้อยหน่อยก็พยายามวิ่งให้ได้ระยะไกลที่สุด พอถึงเนินชันก็เดินต่อ วนลูปแบบนี้ไปตลอด 555

ก.ม.ที่ 9 "ใกล้ถึงเส้นชัย" แรงเริ่มหมด ตะคริวเริ่มกินที่ต้นแขน ต้นแขนนะครับไม่ใช่ต้นขา งงเหมือนกันว่ามันไปเป็นตรงนั้นได้ยังไง ส่วนขายังดีอยู่ไม่มีตะคริว แต่ก็ล้ามากและแทบจะหมดแรงแล้ว ป้ายบอกทางเหลือ 500 เมตร เย้ๆ ใกล้ถึงแล้ว วิ่งต่อสิครับใส่ไปจนถึงโค้งสุดท้าย แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนถึงเส้นชัยยังมีด่านสำคัญอีกด่าน "เนินมรณะ"  เนินนี้แม้แต่รถยนต์ยังต้องใช้เกียร์ 1 ขึ้น ส่วนผมนะเหรอ โอยยยย...อย่าว่าแต่วิ่งเลย แค่จะเดินก็ยังแทบจะขึ้นไม่ไหว ใจอยากจะคลานขึ้นด้วยซ้ำ ว่าจะหาไม้ไผ่มาทำเป็นไม้โพลค้ำเดินขึ้น แต่ก็อายเด็กๆที่กำลังเชียร์อยู่ 555 ได้แต่กัดฟันเดินขึ้นไปเรื่อยๆ พ้นเนินมรณะเจอทางราบรีบวิ่งเข้าเส้นชัย ตอนนี้ไม่สนใจอันดับแล้ว ถึงเส้นชัยได้ก็ดีใจมากมายแล้ว ถึงจะเข้าแบบทุลักเลไปหน่อยช่างมันเหอะ ^_^
ก.ม. 10 "ถึงเส้นชัย" ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 7 นาที เยอะกว่าที่คิด ไหนใครบอกวิ่งจริงจะทำลายสถิติไง ผมไม่เห็นทำได้เลย 555 (ปกติซ้อมวิ่งทางราบ 10 ก.ม.ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม.) อารมณ์ตอนถึงเส้นชัยมันสุดยอดจริงๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ ขณะที่กำลังฟิน มีเจ้าหน้าที่เอาป้ายอันดับมาคล้องคอพร้อมบอก พี่ได้อันดับ 10 รุ่นกลุ่มอายุ ขึ้นรับถ้วยด้วยนะครับ โอ้วววว.... ความรู้สึกตอนนั้นแทบจะหายเหนื่อยเลย  ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเหนื่อยจนขาแทบแหก ส่วนปอดก็แทบฉีกก็ตาม 555
เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนที่เขาวิ่งบ่อยๆก็ตอนนี้แหละ มันสุดยอดจริงๆ ต้องมาวิ่งเองถึงจะรู้ ^_^



นักวิ่งผิวสีแชมป์รุ่นกลุ่มอายุ 40 ปี เข้าเส้นชัยเวลา 46 นาที



จบไปสำหรับการลงวิ่งงานแรก งานนี้เล่นเอาเดินลงบันไดแทบไม่ได้อยู่เกือบอาทิตย์ นับเป็นการวิ่งที่ปวดขายาวนานที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ถามว่าเข็ดมั้ย บอกเลยว่า "ไม่" รอบหน้าเจอกันอีกแน่นอน ครั้งต่อไปต้องดีกว่าเดิม  หลังจบงานนี้ความมั่นใจเริ่มมาว่าฟูลมาราธอนเราอาจจะพอไหว ถึงแม้ระยะทางยังไกลจากฟูลมาราธอนมากมาย ถึงบ้านผมรีบสมัครฮาล์ฟที่ขอนแก่นทันที มีเวลาซ้อมอีก 1 เดือนก่อนถึงฮาล์ฟ อย่างน้อยๆก็เพิ่มระยะการวิ่งให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะลุยงานสำคัญ "มาราธอนแรกที่บุรีรัมย์" ในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า แล้วมาติดตามการวิ่ง "ฮาล์ฟมาราธอนแรก" ของผมครับ ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ที่นี่เร็วๆนี้ครับ



ขอบคุณทุกกำลังใจที่เชียร์ ขอบคุณเพื่อนๆนักวิ่งทุกท่าน บรรยากาศการวิ่งมันดีมากมาย อยากให้ทุกคนได้มีสุขภาพดีกัน ออกมาวิ่งกันครับ




อ่านต่อกับ 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Bangsaen42 ที่นี่คือบางแสน

บุรีรัมย์มาราธอน 2018 กับมาราธอนที่ 3 ของผม

วิ่งเอาบุญกับงาน "109 ปี 109 ล้าน เพื่อโรงพยาบาลมหาราช"